เวย์น รูนี่ย์ : ผู้ทุ่มเทให้ฟุตบอลมากกว่าเงิน

"เราต้องทำกันให้ดีกว่านี้ นั่นเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว เราต้องปรับปรุงกันให้ดีขึ้น และเริ่มเก็บผลการแข่งขันที่ดีๆ ให้ได้ ผมคิดว่าทีมชุดนี้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมากพออยู่แล้ว ผมคิดว่าผมสามารถช่วยทีมได้ด้วยการชี้นำสักหน่อย, ด้วยความช่วยเหลือทั้งในและนอกสนามสักนิด"

นั่นคือคำพูดของ เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกคนดังชาวอังกฤษ ในตอนที่เขาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวกับ ดีซี ยูไนเต็ด ต้นสังกัดในศึก เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (เอ็มแอลเอส) สหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่โลดแล่นในวงการลูกหนังของอังกฤษและทวีปยุโรปเป็นเวลาหลายปี

 

 

แน่นอน ในตอนนั้นหลายคนมองว่า รูนี่ย์ UFABET แค่ไปหาเงินเข้ากระเป๋าในช่วงบั้นปลายของอาชีพการค้าแข้งเท่านั้น เพราะตอนนั้นเขาอายุ 32 ปีเข้าไปแล้ว และก่อนที่จะย้ายทีมนั้น เขาก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มที่โดดเด่นกับ เอฟเวอร์ตัน มากนัก

อย่างไรก็ตาม รูนี่ย์ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้แค่มาเล่นแบบชิลๆ เพื่อเก็บเงินก้อนโตเท่านั้น เขาทุ่มเทเต็มที่ให้กับทีม ผลงานการทำไป 12 ประตู จากการลงเล่นในลีก 19 นัด คือสิ่งที่พิสูจน์ถึงเรื่องนั้นได้ดีกว่าอะไรทั้งสิ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยโชว์ความทุ่มเทด้วยการตามไปแย่งบอลมาจากนักเตะ ออร์แลนโด้ ซิตี้ ในจังหวะที่ฝั่ง ออร์แลนโด้ กำลังจะเล่นเกมสวนกลับหลังจากที่ตอนแรก ดีซี ยูไนเต็ด ได้เล่นลูกเตะมุมด้วย โดยตอนนั้นนายทวารของ ดีซี ยูไนเต็ด ก็ไม่อยู่หน้าปากประตูพอดี เพราะเขาดันขึ้นไปเล่นเกมบุกเพื่อหวังทำประตูเช่นกัน ก่อนที่สุดท้ายแล้ว รูนี่ย์ จะเปิดบอลยาวข้ามฟากให้ ลูเซียโน่ อากอสต้า เพื่อนร่วมทีมโขกทำประตูชัยจนช่วยให้ทีมชนะไป 3-2

นอกจากนี้ การเข้ามาของ รูนี่ย์ ยังส่งผลอย่างมากต่อ ดีซี ยูไนเต็ด ด้วย เพราะก่อนหน้าที่จะเซ็นสัญญากับ รูนี่ย์ นั้น พวกเขาเป็นอันดับบ๊วยของโซนตะวันออก สมัคร UFABET ด้วยผลงานชนะ 2 เกม, เสมอ 7 นัด และแพ้ 5 เกม ขณะที่ผลต่างประตูได้-เสีย อยู่ที่ -6 ลูก แต่พอมี รูนี่ย์ มาช่วยแล้วนั้น ดีซี ยูไนเต็ด ชนะถึง 12 เกม, เสมอ 4 นัด และแพ้เพียงแค่ 3 หน โดยที่ผลต่างประตูได้-เสีย อยู่ที่ +18 ประตู

สำหรับนัดล่าสุดนั้น รูนี่ย์ เหมาคนเดียว 2 ลูก จนช่วยให้ทีมเปิดรัง ออดี้ ฟิลด์ เอาชนะ นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ทีมที่บริหารโดยกลุ่มเจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนทำให้ ดีซี ยูไนเต็ด มี 50 คะแนน จากการลงเล่น 33 นัด พร้อมครองอันดับ 5 ของตารางคะแนนในฝั่งตะวันออก และการันตีการได้ตั๋วเข้าสู่รอบเพลย์ออฟแล้ว ต่อให้จะเหลือโปรแกรมในฤดูกาลปกติอีก 1 นัดก็ตาม

ทั้งนี้ ในวันแถลงข่าวเปิดตัวกับทีมนั้น รูนี่ย์ ยังพูดเพิ่มเติมจากในย่อหน้าแรกด้วยว่า "ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะใช้เวลาในช่วงบั้นปลายในอาชีพการค้าแข้งของผมไปเฉยๆ ผมมาที่นี่เพื่อทำการแข่งขัน ผมมาที่นี่เพื่อที่จะชนะ ผมเล่นด้วยหลักการแบบนั้นมาโดยตลอด"

ตอนนี้ รูนี่ย์ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาทำแบบนั้นจริงๆ และเขาก็อาจจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกในแดนลุงแซมมาครองได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกเลยก็ได้

 รู้จักกับ เพลย์ออฟ
พอได้ยินคำว่า เพลย์ออฟ แฟนบอลหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร เพราะปกติแล้วในลีกใหญ่ๆ ของทวีปยุโรปพอแข่งกันครบฤดูกาลแล้วทีมที่ได้อันดับ 1 ของตารางคะแนนก็จะได้แชมป์ลีกไปครองทันที แต่ที่ สหรัฐฯ ระบบมันแตกต่างกันออกไป

ในตอนเริ่มแต่ละฤดูกาลนั้น จะมีการแบ่งทีมเป็น 2 โซน ได้แก่ฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ซึ่งในช่วงนี้ก็จะแข่งเก็บคะแนนแบบลีกทั่วไปกัน โดยจะเรียกช่วงนี้ว่า "ฤดูกาลปกติ" และพอแข่งกันครบแล้วนั้น ทีมที่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละโซนในฤดูกาลปกติก็จะเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของแต่ละสายแบบอัตโนมัติ เปรียบเทียบแล้วก็เท่ากับเป็นรอบ 8 ทีมสุดท้ายตามแบบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ นั่นเอง

ทั้งนี้ อันดับ 3-6 ของแต่ละกลุ่มจะได้สิทธิ์เข้าสู่รอบน็อคเอาต์ของรอบเพลย์ออฟ หรือก็คือรอบแรกของรอบเพลย์ออฟ โดยทีมอันดับ 3 กับอันดับ 6 ของโซนเดียวกันจะต้องมาดวลกัน ส่วนอีกคู่หนึ่งเป็นการเจอกันของอันดับ 4 และอันดับ 5 ซึ่งผู้ชนะของแต่ละคู่ก็จะเข้าไปเจอกับอันดับ 1 และ 2 จากฤดูกาลปกติที่รออยู่ในรอบรองชนะเลิศของสายนั้นๆ โดยทีมที่ได้อันดับ 1 ในฤดูกาลปกติจะได้เจอกับทีมที่อันดับต่ำที่สุดที่มาจากรอบน็อคเอาท์เสมอ

พอจบจากรอบรองชนะเลิศของแต่ละสายแล้ว มันก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของแต่ละสาย ซึ่งทีมที่ชนะในรอบชิงดำของสายนั้นๆ จะยังไม่ถือว่าเป็นแชมป์ของแดนลุงแซม โดยพวกเขาต้องไปเล่นเกม เอ็มแอลเอส คัพ หรือก็คือการดวลกันของแชมป์จากทั้ง 2 สายอีก เทียบไปแล้วก็เหมือนกับเกม ซูเปอร์โบว์ล ในศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล นั่นเอง และใครที่ชนะเกม เอ็มแอลเอส คัพ ก็จะได้รับการจารึกว่าเป็นแชมป์ลีกของสหรัฐฯ ในฤดูกาลนั้นๆ